ห้องผ่าตัดไฮบริดเหมาะกับการรักษาแบบใด ?
ห้องผ่าตัดไฮบริด เหมาะสำหรับการรักษาผู้ป่วยที่จำเป็นต้องรักษาด้วยวิธีสายสวนทางหลอดเลือด และมีความเสี่ยงสูงที่อาจจะต้องผ่าตัดแก้ไขหากเกิดข้อผิดพลาด เช่น
• การใช้สายสวนรักษาเส้นเลือดใหญ่โป่งพอง Endovascular aneurysmoraphy EVAR ซึ่งลดผลแทรกซ้อนจากการผ่าตัดได้มาก
ห้องผ่าตัดไฮบริดให้ประสิทธิภาพเหนือกว่าการผ่าตัดทั่วไปอย่างไร ?• การเปลี่ยนลิ้นหัวใจโดยการใช้สายสวน Tran Arterial Valvular Implantation (TAVI) โดยไม่ต้องผ่าตัดเปิดหัวใจ สาหรับผู้ป่วยที่มีปัจจัยเสี่ยงสูงต่อการผ่าตัดใหญ่ • การรักษาที่ต้องใช้การรักษาร่วมกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา เช่น การรักษาการเต้นของหัวใจผิดปกติ Electrophysiology เป็นต้น
1. กระบวนการในการวินิจฉัยและรักษาเกิดขึ้นได้ในครั้งเดียวกัน (one visit)
Hybrid Operating Room ถูกออกแบบรองรับการผ่าตัดอย่างไร ?2. หัตถการปลอดภัย (safer procedures) 3. ระยะเวลาทำหัตถการสั้นลง (shorter procedures) 4. ได้ภาพทางรังสีระหว่างหัตถการ (faster imaging) 5. ผลลัพธ์การรักษาดี (better outcomes) 6. พักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาลเวลาสั้นลง (shorter hospital stays) 7. เหมาะกับผู้ป่วยที่มีภาวะโรคซับซ้อนและมีภาวะเสี่ยงสูง
1. ห้องจะมีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ เพื่อการทำงานร่วมกันของสหสาขาวิชาชีพอย่างเป็นระบบ เช่น ศัลยแพทย์ รังสีแพทย์ อายุรแพทย์หัวใจ วิสัญญีแพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่รังสีเทคนิค
เทคโนโลยีครบวงจรอย่างไร ?2. Hybrid Operating Room เป็นห้องปลอดเชื้อ เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากการผ่าตัด 3. อุปกรณ์ในห้องผ่าตัดออกแบบให้สามารถเคลื่อนที่ได้สะดวกไม่ขัดขวางการผ่าตัดโดยทั่วไป 4. เทคโนโลยี Flexmove ที่สามารถถ่ายภาพเอกซ์เรย์ได้ 360 องศา ช่วยให้แพทย์ทาการผ่าตัดรักษาผู้ป่วยซับซ้อนได้สะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น 5. เตียงผ่าตัดสามารถปรับองศาได้ ช่วยให้การผ่าตัดรักษามีความหลากหลายมากขึ้น
อุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่ในห้องผ่าตัดไฮบริดจะต้องประกอบด้วย
1. อุปกรณ์สำหรับผ่าตัดโดยทั่วไป
สามารถรู้ขนาดและตำแหน่งของอวัยวะ เพื่อสร้างภาพสามมิติทำให้วางแผนการรักษาได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งสามารถส่งสัญญาณภาพพร้อมเสียง สื่อสารโต้ตอบกันได้จากห้องผ่าตัดไปยังห้องประชุม เพื่อประโยชน์ในการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ในอนาคต และการทำงานร่วมกันระหว่างเตียงผ่าตัด
ห้องผ่าตัดไฮบริดเหมาะสำหรับผู้ป่วยประเภทใด
ผู้ป่วยกลุ่มโรคซับซ้อนที่ใช้การรักษาผ่านทางสายสวนร่วมระหว่างการผ่าตัดด้วยหรือมีความเสี่ยงสูงที่อาจจะต้องผ่าตัดแก้ไขหากเกิดข้อผิดพลาด ได้แก่
1. กลุ่มผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด (Cardio Vascular Thoracic Surgery)
1.1 coronary artery bypass surgery, CABG ร่วมกับ coronary angiogram
2. กลุ่มผู้ป่วยโรคหลอดเลือด (Vascular Surgery)1.2 ผู้ป่วยที่มีความจาเป็นต้องใส่ขดลวดเพื่อขยายหลอดเลือดหัวใจด้วย stent grafts ในผู้ป่วยที่มีหลอดเลือดแดงโป่งฟอง (Thoracic Aorta Aneurysm) 1.3 การเปลี่ยนลิ้นหัวใจผ่านทางสายสวนหลอดเลือด (Tran Arterial Valvular Implantation :TAVI)
2.1 การใช้สายสวนรักษาเส้นเลือดใหญ่โป่งพอง Endovascular aneurysmoraphy (EVAR) ซึ่งลดผล แทรกซ้อนจากการผ่าตัดได้มาก
3. กลุ่มผู้ป่วยระบบประสาทและสมอง (Neurosurgery)
3.1 ผิดปกติของหลอดเลือดแดงและดา เป็นการต่อกันของเส้นเลือดดาและแดงไม่สมบูรณ์ ทาให้การเดินเลือดไม่ปกติ เกิดปมเหมือนลูกโป่งที่โป่งขึ้นเรื่อยๆ และแตกในที่สุดเป็นความผิดปกติของหลอดเลือดมาแต่กาเนิด ทาให้เกิดอาการชัก (Arteriovenous malformation)
3.2 เส้นเลือดโป่งพองในสมอง หรือ Cerebral aneurysm เราไม่ทราบสาเหตุการเกิดแน่ชัดแต่พบว่าชั้นของเส้นเลือดในสมองที่โป่งพองมีความยืดหยุ่นน้อยกว่า และในชั้นกลางมีกล้ามเนื้อน้อยกว่า ส่วนมากเส้นเลือดที่โป่งพองจะอยู่ตรงที่เส้นเลือดมีการโค้ง อยู่ตรงมุมที่เส้นเลือดมีการแยกแขนงการเสื่อมของเส้นเลือด ร่วมกับความดันโลหิตสูงอาจเป็นปัจจัยที่เสริมในการเกิดร่วมกับเส้นเลือดที่ผิดปกติแต่กาเนิด นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นอีก เช่น จากอุบัติเหตุการติดเชื้อ
|
วันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2558
ห้องผ่าตัดอัจฉริยะ HYBRID OR ด้วยเทคโนโลยี Flexmove
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น