วันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

พบอีกช้างเผือกภูธร!! เด็กเก่งเมืองคอนสอบโอเน็ต วิชาคณิตศาสตร์คะแนนเต็ม 100

พบอีกช้างเผือกภูธร!! เด็กเก่งเมืองคอนสอบโอเน็ต 
วิชาคณิตศาสตร์คะแนนเต็ม 100
                

         ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนางบัณฑิตา ชูปู ครูผู้สอนวิชาคณิตศาสตร์ โรงเรียนวัดนากุล ม.6 ต.สระแก้ว อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ว่า เด็กชาย สรชัช แปะเจง นักเรียนชั้นประถม 6 ของโรงเรียนทำข้อสอบโอเน็ตวิชาคณิตศาสตร์ได้คะแนนเต็ม 100 คะแนน และยังสอบเข้าเรียนต่อ ชั้น ม.1 โรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช ได้ลำดับที่ 8
นางบัณฑิตา เล่าว่า เด็กชายสรชัช เป็นเด็กขยันเรียนหนังสือ นิสัยดี มีอะไรสงสัยเรื่องการเรียนจะสอบถามอาจารย์ทุกอย่าง ภาพรวมของการสอบโอเน็ตในครั้งนี้ โรงเรียนวัดนากุล ได้ลำดับที่ 2 ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราชเขต 4 จากโรงเรียนทั้งหมด 144 โรง ส่วนเรื่องการสอบเข้าโรงเรียนมัธยมประจำจังหวัด มีนักเรียนไปสอบที่โรงเรียนเบญจมราชูทิศ 1 คน สอบได้ลำดับที่5 และไปสอบเข้าที่โรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช จำนวน 5 คน สอบได้ทั้ง 5 คน และได้ลำดับต้นๆทั้งหมดรวมทั้งเด็กชายสรชัชด้วย

"เป็นความภาคภูมิใจที่โรงเรียนส่วนภูมิภาคก็สามารถสอบแข่งขันโอเน็ตได้คะแนนสูงๆ ไม่ต่างจากเด็กในเมือง ดังนั้นอยากให้นักเรียนทุกคนตั้งใจศึกษาเล่าเรียนในส่งที่ครูบาอาจารย์สั่งสอน "
สำหรับเด็กชายสรชัช เป็นลูกคนที่ 3 สุดท้องของนายสงัส แปะเจง อายุ 51 ปี และนางวรรณี แปะเจง อายุ 48 ปี ทั้งสองคนมีอาชีพทำสวนยางพารา อยู่บ้านเลขที่ 128 ม.7 ต.สระแก้ว อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช

วันจันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Dolfi เครื่องซักผ้าขนาดเท่าฝ่ามือ สะอาดได้ไม่เปลืองแรง


Dolfi เครื่องซักผ้าขนาดเท่าฝ่ามือ สะอาดได้ไม่เปลืองแรง




โดลฟี่ ต้นแบบเครื่องซักผ้าแบบพกพาสุดล้ำ ทำงานด้วยพลังอัลตร้าโซนิค ไม่ต้องใช้มือขยี้ แถมเสื้อผ้าไม่เสียทรงด้วย



หลายคนคงเคยหงุดหงิด เวลาออกจากบ้านแล้วดันทำเสื้อผ้าสกปรกโดยไม่ได้ตั้งใจ แถมไม่มีเวลากลับไปเปลี่ยนที่บ้านด้วย แถมมีธุระต้องไปทำต่ออีกต่างหาก
แต่วันนี้เราไปเจอแก็ดเจ็ตชิ้นหนึ่งที่น่าจะแก้ปัญหาข้างต้นได้เป็นปลิดทิ้ง เมื่อมีทีมนักประดิษฐ์หัวใสคิดค้นเครื่องซักผ้าแบบพกพาที่ชื่อว่า โดลฟี่ ขึ้นมา ขอบอกเลยว่าไม่ได้มีดีแค่พกติดตัวไปไหนมาไหนได้เท่านั้น ทว่ายังมาพร้อมกับเทคโนโลยีสุดล้ำที่ทำให้คุณไม่ต้องเปลืองแรงขยี้ผ้าให้เหนื่อยด้วย
โดลฟี่ที่ว่านี้มีลักษณะคล้ายก้อนสบู่ ขนาดเล็กกะทัดรัด ใช้ทำความสะอาดเสื้อผ้าให้สะอาดเอี่ยมอ่องด้วยเทคโนโลยีอัลตร้าโซนิคหรือคลื่นเสียงความถี่สูง วิธีใช้ก็ง่ายนิดเดียว นำผ้าลงไปแช่น้ำในกะละมังเล็ก ๆ ใส่ผงซักฟอก แล้วนำโดลฟี่ที่เสียบปลั๊กพร้อมใช้งานแล้วลงไป จากนั้นก็เปิดสวิตช์ทำงาน โดยแรงสั่นสะเทือนจากคลื่นเสียงความถี่สูงจะเกิดการสั่นสะเทือนเป็นฟองอากาศเล็ก ๆ เข้าไปขจัดสิ่งสกปรกในเนื้อผ้า ขณะที่ใช้ซักประมาณ 30-40 นาทีเท่านั้น แค่นี้เสื้อผ้าของคุณก็พร้อมใส่แล้ว
ส่วนปัญหาเรื่อง ไฟช็อต ไฟดูด นั้นจไม่เกิดขึ้นเพราะทางผู้ผลิตเข้าป้องกันปัญหานี้แล้ว วางใจได้
หลังจากที่ทางผู้ผลิตโลฟี่เปิดระดมทุนเพื่อใช้ในการผลิตผ่านทางเว็บไซต์ indiegogo ปรากฏว่าได้รับเสียงตอบรับจากผู้ที่สนใจอย่างล้นหลามจนทำเงินได้ตามเป้าแล้ว โดยคาดว่าจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในเร็ววันนี้ ซึ่งราคาจำหน่ายน่าจะอยู่ที่ 109 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 3,450 บาท

วันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

โรงเรียนมวกเหล็กวิทยา

โรงเรียนมวกเหล็กวิทยา


โรงเรียนมวกเหล็กวิทยา เป็นโรงเรียนรัฐบาลประเภทโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่ ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 4 (ปทุมธานี สระบุรี) ได้รับอนุมัติจากกรมสามัญศึกษาให้จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2515 เปิดสอนในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลายแบบสหศึกษา ตั้งอยู่ที่ถนนมิตรภาพ ตำบลมวกเหล็ก อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันมีนายวัชรินทร์ มัสเจริญเป็นผู้อำนวยการ

ประวัติ

ปีการศึกษา 2522 ได้รับงบประมาณสร้างหอประชุม 1 หลังอาคารโรงฝึกงาน 3 หลัง จำนวน 6 หน่วยอาคารพยาบาลและสหกรณ์จำนวน 1 หลัง
ปีการศึกษา 2527 โรงเรียนได้รับอนุมัติให้เปิดสอนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยมีแผนการเรียน 2 แผนการเรียน ได้แก่ แผนการเรียนวิทยาศาสตร์ และแผนการเรียนเกษตรกรรม
ปีการศุกษา 2528 ได้รับอนุมัติให้ใช้พื้นที่ราชพัสดุในการดูแลขององค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย(อสค)เพื่อสร้างสนามกีฬา จำนวน 7 ไร่ 0 งาน 05 ตารางวา
ปีการศึกษา 2531 โรงเรียนได้เข้าร่วมโครงการนำร่อง "การจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรมัธยมศึกษา พุทธศักราช 2524 เพื่อประกอบอาชีพอิสระ"ของกระทรวงศึกษาธิการ โรงเรียนจึงได้เปิดผนการเรียนอาชีพอิสระเพิ่มขึ้นอีก 1 แผนการเรียน และในปีนี้โรงเรียนได้รับคัดเลือกให้เป็นโรงเรียนในโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนาการใช้หลักสูตรประจำปีการศึกษา 2532 โรงเรียนได้จัดการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นเป็น 6-5-5 และในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายเป็น 3-2-2 รวมจำนวนห้องเรียน 23 ห้อง
ปีการศึกษา 2533 โรงเรียนได้เข้าร่วมโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนาหลักสูตร มีนักเรียน 802 คน ครู-อาจารย์ 47 คน จำนวนห้องเรียน 23 ห้อง นักการภารโรง 5 คน และพนักงานขับรถ 1 คน
ปีการศึกษา 2546 โรงเรียนได้เข้าร่วมโครงการ"หนึ่งอำเภอหนึ่งโรงเรียนในฝัน"
ปีการศึกษา 2555 มีที่ดิน 48 ไร่ 0 งาน 18 ตารางวา มีครู-อาจารย์ 68 คน ครูอัตราจ้าง 8 คน พนักงานราชการ 2 คน มีจำนวนนักเรียน 1,600 มีนักการภารโรง 3 คน พนักงานขับรถ 1 คน
ปีการศึกษา 2556 ปัจจุบันมีที่ดิน 48 ไร่ 0 งาน 18 ตารางวา มีครู-อาจารย์ 63 คน ครูอัตราจ้าง 12 คน พนักงานราชการ 2 คน มีจำนวนนักเรียน 1,589 มีนักการภารโรง 3 คน พนักงานขับรถ 1 คน

สัญลักษณ์ประจำโรงเรียน

  • ปรัชญาโรงเรียน : สามัคคี มีวินัย ใฝ่ศึกษา บูชาคุณธรรม นำชุมชน
  • สีประจำโรงเรียน : สีเลือดหมู และสีเหลือง
  • ตราประจำโรงเรียน : ตราประจำโรงเรียนมีสัญลักษณ์และความหมาย ดังนี้
    • ดวงเทียน : ครูผู้ให้ความรู้แก่นักเรียน
    • รัศมี : แสงสว่างนำทางนักเรียนและชุมชน
    • ธมฺมจารี สุขํ เสติ : ความหมาย ผู้ประพฤติธรรมย่อมเป็นสุข
    • ภูเขา ท้องฟ้า เมฆ : ธรรมชาติที่รอบล้อมโรงเรียน
    • ต้นกล้า : นักเรียนทุกคนที่กำลังเติบโตเป็นอนาคตของชาติ
  • ต้นไม้ประจำโรงเรียน : ต้นประดู่แดง

  • เพลงประจำโรงเรียน : มาร์ชม.ว.
    อัตลักษณ์ประจำโรงเรียนมวกเหล็กวิทยา
    วิถีไทย วิถีโคนม (คาวบอย)
    ปรัชญาของโรงเรียน
    สามัคคี   มีวินัย  ใฝ่ศึกษา  บูชาคุณธรรม  นำชุมชน
    สามัคคี
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีสายพระเนตรอันยาวไกลกว่า 50 ปี ด้วยการพระราชทานอาชีพ
    การเลี้ยงโคนมให้แก่ปวงชนชาวไทย  และปลูกฝังการเลี้ยงโคนมให้มั่นคงยั่งยืน  ด้วยเป็นอาชีพที่นอกจาก
    จะสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนแล้ว  ยังเป็นอาชีพที่ต้องมีความร่วมมือ ร่วมใจ โดยมีการรวมกลุ่มจัดตั้งเป็น
    สหกรณ์ อันก่อให้เกิดความสามัคคีของคนในชุมชน
    มีวินัย
    อาชีพการเลี้ยงโคนม นอกจากต้องใช้ความอดทนแล้ว ยังต้องมีวินัยในตนเอง เช่น การตื่นตั้งแต่เช้า
    เพื่อรีดนม การให้อาหาร ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องทำให้ตรงเวลาและสม่ำเสมอ เนื่องจากมีผลต่อปริมาณผลผลิต
    ของน้ำนมที่จะได้
    ใฝ่ศึกษา
    เกษตรกรที่เลี้ยงโคนมต้องเป็นผู้ใฝ่ศึกษา โดยหมั่นศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ เกี่ยวกับ
    เทคโนโล่ยีใหม่ ๆ ทั้งเรื่องของการป้องกันโรค หรือเพิ่มผลผลิตของปริมาณน้ำนม และยังเป็นการช่วย
    ประหยัดแรงงานในอนาคต
    บูชาคุณธรรม
    อาชีพการเลี้ยงโคนมนอกจากจะเป็นอาชีพพระราชทานที่เกษตรกรทุกคนต้องสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแล้ว
    ยังต้องประกอบอาชีพด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต มีคุณธรรม โดยไม่ใส่น้ำหรือแป้งปลอมปนไปกับน้ำนม เพียง
    เพื่อหวังให้ได้ปริมาณน้ำนมเพิ่มขึ้น
    นำชุมชน
    ความสำเร็จที่ได้จากการประกอบอาชีพการเลี้ยงโคนม ส่งผลโดยตรงต่อชีวิตของคนในชุมชน
    ทั้งในเรื่องของฐานะทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น  ทั้งในเรื่องของความสามัคคี ตลอดทั้งนำพาให้ชุมชนเป็นชุมชน
    ที่เข้มแข็งและพึ่งตนเองได้

โรงเรียนมวกเหล็กวิทยา

 โรงเรียนมวกเหล็กวิทยา


โรงเรียนมวกเหล็กวิทยา เป็นโรงเรียนรัฐบาลประเภทโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่ ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 4 (ปทุมธานี สระบุรี) ได้รับอนุมัติจากกรมสามัญศึกษาให้จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2515 เปิดสอนในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลายแบบสหศึกษา ตั้งอยู่ที่ถนนมิตรภาพ ตำบลมวกเหล็ก อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันมีนายวัชรินทร์ มัสเจริญเป็นผู้อำนวยการ

ประวัติ

ปีการศึกษา 2522 ได้รับงบประมาณสร้างหอประชุม 1 หลังอาคารโรงฝึกงาน 3 หลัง จำนวน 6 หน่วยอาคารพยาบาลและสหกรณ์จำนวน 1 หลัง
ปีการศึกษา 2527 โรงเรียนได้รับอนุมัติให้เปิดสอนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยมีแผนการเรียน 2 แผนการเรียน ได้แก่ แผนการเรียนวิทยาศาสตร์ และแผนการเรียนเกษตรกรรม
ปีการศุกษา 2528 ได้รับอนุมัติให้ใช้พื้นที่ราชพัสดุในการดูแลขององค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย(อสค)เพื่อสร้างสนามกีฬา จำนวน 7 ไร่ 0 งาน 05 ตารางวา
ปีการศึกษา 2531 โรงเรียนได้เข้าร่วมโครงการนำร่อง "การจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรมัธยมศึกษา พุทธศักราช 2524 เพื่อประกอบอาชีพอิสระ"ของกระทรวงศึกษาธิการ โรงเรียนจึงได้เปิดผนการเรียนอาชีพอิสระเพิ่มขึ้นอีก 1 แผนการเรียน และในปีนี้โรงเรียนได้รับคัดเลือกให้เป็นโรงเรียนในโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนาการใช้หลักสูตรประจำปีการศึกษา 2532 โรงเรียนได้จัดการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นเป็น 6-5-5 และในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายเป็น 3-2-2 รวมจำนวนห้องเรียน 23 ห้อง
ปีการศึกษา 2533 โรงเรียนได้เข้าร่วมโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนาหลักสูตร มีนักเรียน 802 คน ครู-อาจารย์ 47 คน จำนวนห้องเรียน 23 ห้อง นักการภารโรง 5 คน และพนักงานขับรถ 1 คน
ปีการศึกษา 2546 โรงเรียนได้เข้าร่วมโครงการ"หนึ่งอำเภอหนึ่งโรงเรียนในฝัน"
ปีการศึกษา 2555 มีที่ดิน 48 ไร่ 0 งาน 18 ตารางวา มีครู-อาจารย์ 68 คน ครูอัตราจ้าง 8 คน พนักงานราชการ 2 คน มีจำนวนนักเรียน 1,600 มีนักการภารโรง 3 คน พนักงานขับรถ 1 คน
ปีการศึกษา 2556 ปัจจุบันมีที่ดิน 48 ไร่ 0 งาน 18 ตารางวา มีครู-อาจารย์ 63 คน ครูอัตราจ้าง 12 คน พนักงานราชการ 2 คน มีจำนวนนักเรียน 1,589 มีนักการภารโรง 3 คน พนักงานขับรถ 1 คน

สัญลักษณ์ประจำโรงเรียน

  • ปรัชญาโรงเรียน : สามัคคี มีวินัย ใฝ่ศึกษา บูชาคุณธรรม นำชุมชน
  • สีประจำโรงเรียน : สีเลือดหมู และสีเหลือง
  • ตราประจำโรงเรียน : ตราประจำโรงเรียนมีสัญลักษณ์และความหมาย ดังนี้
    • ดวงเทียน : ครูผู้ให้ความรู้แก่นักเรียน
    • รัศมี : แสงสว่างนำทางนักเรียนและชุมชน
    • ธมฺมจารี สุขํ เสติ : ความหมาย ผู้ประพฤติธรรมย่อมเป็นสุข
    • ภูเขา ท้องฟ้า เมฆ : ธรรมชาติที่รอบล้อมโรงเรียน
    • ต้นกล้า : นักเรียนทุกคนที่กำลังเติบโตเป็นอนาคตของชาติ
  • ต้นไม้ประจำโรงเรียน : ต้นประดู่แดง

  • เพลงประจำโรงเรียน : มาร์ชม.ว.
    อัตลักษณ์ประจำโรงเรียนมวกเหล็กวิทยา
    วิถีไทย วิถีโคนม (คาวบอย)
    ปรัชญาของโรงเรียน
    สามัคคี   มีวินัย  ใฝ่ศึกษา  บูชาคุณธรรม  นำชุมชน
    สามัคคี
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีสายพระเนตรอันยาวไกลกว่า 50 ปี ด้วยการพระราชทานอาชีพ
    การเลี้ยงโคนมให้แก่ปวงชนชาวไทย  และปลูกฝังการเลี้ยงโคนมให้มั่นคงยั่งยืน  ด้วยเป็นอาชีพที่นอกจาก
    จะสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนแล้ว  ยังเป็นอาชีพที่ต้องมีความร่วมมือ ร่วมใจ โดยมีการรวมกลุ่มจัดตั้งเป็น
    สหกรณ์ อันก่อให้เกิดความสามัคคีของคนในชุมชน
    มีวินัย
    อาชีพการเลี้ยงโคนม นอกจากต้องใช้ความอดทนแล้ว ยังต้องมีวินัยในตนเอง เช่น การตื่นตั้งแต่เช้า
    เพื่อรีดนม การให้อาหาร ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องทำให้ตรงเวลาและสม่ำเสมอ เนื่องจากมีผลต่อปริมาณผลผลิต
    ของน้ำนมที่จะได้
    ใฝ่ศึกษา
    เกษตรกรที่เลี้ยงโคนมต้องเป็นผู้ใฝ่ศึกษา โดยหมั่นศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ เกี่ยวกับ
    เทคโนโล่ยีใหม่ ๆ ทั้งเรื่องของการป้องกันโรค หรือเพิ่มผลผลิตของปริมาณน้ำนม และยังเป็นการช่วย
    ประหยัดแรงงานในอนาคต
    บูชาคุณธรรม
    อาชีพการเลี้ยงโคนมนอกจากจะเป็นอาชีพพระราชทานที่เกษตรกรทุกคนต้องสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแล้ว
    ยังต้องประกอบอาชีพด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต มีคุณธรรม โดยไม่ใส่น้ำหรือแป้งปลอมปนไปกับน้ำนม เพียง
    เพื่อหวังให้ได้ปริมาณน้ำนมเพิ่มขึ้น
    นำชุมชน
    ความสำเร็จที่ได้จากการประกอบอาชีพการเลี้ยงโคนม ส่งผลโดยตรงต่อชีวิตของคนในชุมชน
    ทั้งในเรื่องของฐานะทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น  ทั้งในเรื่องของความสามัคคี ตลอดทั้งนำพาให้ชุมชนเป็นชุมชน
    ที่เข้มแข็งและพึ่งตนเองได้

โรงเรียนมวกเหล็กวิทยา

   โรงเรียนมวกเหล็กวิทยา


โรงเรียนมวกเหล็กวิทยา เป็นโรงเรียนรัฐบาลประเภทโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่ ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 4 (ปทุมธานี สระบุรี) ได้รับอนุมัติจากกรมสามัญศึกษาให้จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2515 เปิดสอนในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลายแบบสหศึกษา ตั้งอยู่ที่ถนนมิตรภาพ ตำบลมวกเหล็ก อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันมีนายวัชรินทร์ มัสเจริญเป็นผู้อำนวยการ

ประวัติ

ปีการศึกษา 2522 ได้รับงบประมาณสร้างหอประชุม 1 หลังอาคารโรงฝึกงาน 3 หลัง จำนวน 6 หน่วยอาคารพยาบาลและสหกรณ์จำนวน 1 หลัง
ปีการศึกษา 2527 โรงเรียนได้รับอนุมัติให้เปิดสอนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยมีแผนการเรียน 2 แผนการเรียน ได้แก่ แผนการเรียนวิทยาศาสตร์ และแผนการเรียนเกษตรกรรม
ปีการศุกษา 2528 ได้รับอนุมัติให้ใช้พื้นที่ราชพัสดุในการดูแลขององค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย(อสค)เพื่อสร้างสนามกีฬา จำนวน 7 ไร่ 0 งาน 05 ตารางวา
ปีการศึกษา 2531 โรงเรียนได้เข้าร่วมโครงการนำร่อง "การจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรมัธยมศึกษา พุทธศักราช 2524 เพื่อประกอบอาชีพอิสระ"ของกระทรวงศึกษาธิการ โรงเรียนจึงได้เปิดผนการเรียนอาชีพอิสระเพิ่มขึ้นอีก 1 แผนการเรียน และในปีนี้โรงเรียนได้รับคัดเลือกให้เป็นโรงเรียนในโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนาการใช้หลักสูตรประจำปีการศึกษา 2532 โรงเรียนได้จัดการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นเป็น 6-5-5 และในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายเป็น 3-2-2 รวมจำนวนห้องเรียน 23 ห้อง
ปีการศึกษา 2533 โรงเรียนได้เข้าร่วมโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนาหลักสูตร มีนักเรียน 802 คน ครู-อาจารย์ 47 คน จำนวนห้องเรียน 23 ห้อง นักการภารโรง 5 คน และพนักงานขับรถ 1 คน
ปีการศึกษา 2546 โรงเรียนได้เข้าร่วมโครงการ"หนึ่งอำเภอหนึ่งโรงเรียนในฝัน"
ปีการศึกษา 2555 มีที่ดิน 48 ไร่ 0 งาน 18 ตารางวา มีครู-อาจารย์ 68 คน ครูอัตราจ้าง 8 คน พนักงานราชการ 2 คน มีจำนวนนักเรียน 1,600 มีนักการภารโรง 3 คน พนักงานขับรถ 1 คน
ปีการศึกษา 2556 ปัจจุบันมีที่ดิน 48 ไร่ 0 งาน 18 ตารางวา มีครู-อาจารย์ 63 คน ครูอัตราจ้าง 12 คน พนักงานราชการ 2 คน มีจำนวนนักเรียน 1,589 มีนักการภารโรง 3 คน พนักงานขับรถ 1 คน

สัญลักษณ์ประจำโรงเรียน

  • ปรัชญาโรงเรียน : สามัคคี มีวินัย ใฝ่ศึกษา บูชาคุณธรรม นำชุมชน
  • สีประจำโรงเรียน : สีเลือดหมู และสีเหลือง
  • ตราประจำโรงเรียน : ตราประจำโรงเรียนมีสัญลักษณ์และความหมาย ดังนี้
    • ดวงเทียน : ครูผู้ให้ความรู้แก่นักเรียน
    • รัศมี : แสงสว่างนำทางนักเรียนและชุมชน
    • ธมฺมจารี สุขํ เสติ : ความหมาย ผู้ประพฤติธรรมย่อมเป็นสุข
    • ภูเขา ท้องฟ้า เมฆ : ธรรมชาติที่รอบล้อมโรงเรียน
    • ต้นกล้า : นักเรียนทุกคนที่กำลังเติบโตเป็นอนาคตของชาติ
  • ต้นไม้ประจำโรงเรียน : ต้นประดู่แดง

  • เพลงประจำโรงเรียน : มาร์ชม.ว.
    อัตลักษณ์ประจำโรงเรียนมวกเหล็กวิทยา
    วิถีไทย วิถีโคนม (คาวบอย)
    ปรัชญาของโรงเรียน
    สามัคคี   มีวินัย  ใฝ่ศึกษา  บูชาคุณธรรม  นำชุมชน
    สามัคคี
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีสายพระเนตรอันยาวไกลกว่า 50 ปี ด้วยการพระราชทานอาชีพ
    การเลี้ยงโคนมให้แก่ปวงชนชาวไทย  และปลูกฝังการเลี้ยงโคนมให้มั่นคงยั่งยืน  ด้วยเป็นอาชีพที่นอกจาก
    จะสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนแล้ว  ยังเป็นอาชีพที่ต้องมีความร่วมมือ ร่วมใจ โดยมีการรวมกลุ่มจัดตั้งเป็น
    สหกรณ์ อันก่อให้เกิดความสามัคคีของคนในชุมชน
    มีวินัย
    อาชีพการเลี้ยงโคนม นอกจากต้องใช้ความอดทนแล้ว ยังต้องมีวินัยในตนเอง เช่น การตื่นตั้งแต่เช้า
    เพื่อรีดนม การให้อาหาร ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องทำให้ตรงเวลาและสม่ำเสมอ เนื่องจากมีผลต่อปริมาณผลผลิต
    ของน้ำนมที่จะได้
    ใฝ่ศึกษา
    เกษตรกรที่เลี้ยงโคนมต้องเป็นผู้ใฝ่ศึกษา โดยหมั่นศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ เกี่ยวกับ
    เทคโนโล่ยีใหม่ ๆ ทั้งเรื่องของการป้องกันโรค หรือเพิ่มผลผลิตของปริมาณน้ำนม และยังเป็นการช่วย
    ประหยัดแรงงานในอนาคต
    บูชาคุณธรรม
    อาชีพการเลี้ยงโคนมนอกจากจะเป็นอาชีพพระราชทานที่เกษตรกรทุกคนต้องสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแล้ว
    ยังต้องประกอบอาชีพด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต มีคุณธรรม โดยไม่ใส่น้ำหรือแป้งปลอมปนไปกับน้ำนม เพียง
    เพื่อหวังให้ได้ปริมาณน้ำนมเพิ่มขึ้น
    นำชุมชน
    ความสำเร็จที่ได้จากการประกอบอาชีพการเลี้ยงโคนม ส่งผลโดยตรงต่อชีวิตของคนในชุมชน
    ทั้งในเรื่องของฐานะทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น  ทั้งในเรื่องของความสามัคคี ตลอดทั้งนำพาให้ชุมชนเป็นชุมชน
    ที่เข้มแข็งและพึ่งตนเองได้

โรงเรียนที่ชื่นชอบ

    โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ 



โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ ตั้งอยู่บนถนนคอนแวนต์ แขวงสีลม เขตบางรัก เป็นโรงเรียนหนึ่งในเครือของคณะภคินีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร คณะนักบวชคาทอลิกหญิงจากประเทศฝรั่งเศสเมื่อปี พ.ศ. 2441 เข้ามาเผยแพร่ธรรมและช่วยส่งเสริมงานพัฒนาสังคมไทยด้านการศึกษา การรักษาพยาบาลและการช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ผู้ยากไร

ประวัติ

เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2450 คณะภคินีฯ โดยคุณแม่อธิการิณีแซงต์ ซาเวียร์ (MERE SAINT - XAVIER) ได้ก่อตั้งโรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ขึ้น บนเนื้อที่ 16 ไร่ 3 งาน 68 ตารางวาของคณะมิสซังกรุงเทพ เดิมที่เป็นที่นา ณ บริเวณถนนคอนแวนต์ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร โดยสถาปนิกผู้ออกแบบคือ นายอัลเฟรโด รีกาซซี (Alfredo Rigazzi) สถาปนิกชาวอิตาลี อาคารโรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนแวนต์ในยุคแรกเป็นอาคาร 2 ชั้น ก่ออิฐถือปูน หลังคาปั้นหยามุงกระเบื้องว่าว ต่อมาปี พ.ศ. 2512 ได้มีการก่อสร้างอาคาร 72 ปี และในปี พ.ศ. 2530 ได้ก่อสร้างหอประชุมทรินิตี้ เป็นหอประชุมอเนกประสงค์ขนาดใหญ่
อย่างไรก็ดี ภายในกลุ่มอาคารใหม่ โบสถ์น้อย (Chapel) ซึ่งเป็นอาคารอนุรักษ์ ยังคงดำรงอยู่และเป็นที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา อาทิ การรับศีลกำลัง การรับศีลมหาสนิท เป็นต้น

การศึกษา

ในช่วงแรกโรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์รับนักเรียนจากบุตรและธิดาชาวยุโรป ที่เข้ามาพำนักอาศัยในประเทศไทย ซึ่งหลักสูตรการศึกษาจะเน้นทางด้านภาษา ใช้ภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศสเป็นหลัก ในด้านวิชาการจะเน้นการศึกษาเช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ จริยธรรม วาดเขียน ดนตรี และการฝีมือ หลังจากนั้นบรรดาคหบดี ข้าราชการ และพ่อค้าชาวไทยได้ให้ความสนใจและเริ่มนิยมส่งบุตรหลานของตนมาเข้ารับการศึกษาในโรงเรียน จึงมีจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นเป็นตามลำดับ โรงเรียนจึงพัฒนาหลักสูตรและปรับปรุงให้เหมาะสมกับภาวะที่เปลี่ยนแปลงไป มีการจัดระบบการเรียนการสอนใหม่ให้สอดคล้องกับแนวทางของระบบการศึกษาไทย
จนในปี พ.ศ. 2479 เริ่มทดลองส่งนักเรียนจำนวน 11 คน เข้าสอบแข่งขันระดับประเทศ ในระดับชั้นประโยคมัธยมบริบูรณ์ หลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งนักเรียนทั้ง 11 คนสามารถสอบผ่านได้ทั้งหมด และมีคะแนนติดอันดับที่หนึ่งถึงที่สามของแผนกภาษาอีกด้วย กระทรวงศึกษาธิการจึงมอบทุนการศึกษาระดับปริญญาตรีของคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้แก่นักเรียนทั้ง 2 คน ที่มีผลการสอบดีเด่นดังกล่าว และในปีต่อมาจึงได้ประกาศรับรองวิทยฐานะของโรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ เทียบเท่าโรงเรียนของรัฐบาล
นอกจากนี้ ระหว่างปี พ.ศ. 2482 ถึง 2486 กระทรวงศึกษาธิการยังได้อนุญาตให้โรงเรียน เปิดทำการสอนหลักสูตรนักเรียนฝึกหัดครูขึ้นอีกแขนงหนึ่ง เพื่อผลิตบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถออกไปรับใช้สังคม และช่วยพัฒนางานการศึกษาของไทยอีกด้วย

รางวัล

โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ ได้รับพระราชทานรางวัลจัดการศึกษาดีเด่นระดับชาติ 4 คือ
  • รางวัลพระราชทานจัดการศึกษาดี ทั้งประเภทประถมศึกษาและมัธยมศึกษา จากพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ประจำปีการศึกษา 2511,2513 และ 2515 และในปีการศึกษา 2511 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 7 ของโรงเรียนได้รับพระราชาทานรางวัลเรียนดีอันดับสามของประเทศ
  • รางวัลพระราชทานระดับมัธยมศึกษา ประจำปีการศึกษา 2529
  • รางวัลพระราชทานระดับประถมศึกษา ประจำปีการศึกษา 2537 และในปีเดียวกันได้รับรางวัลโรงเรียนดีเด่น ระดับประถมศึกษา
  • รางวัลพระราชทานการจัดห้องสมุดดีเด่นระดับมัธยมศึกษาประจำปี พ.ศ. 2532 และ 2542
  • รางวัลสถานศึกษาที่จัดจริยศึกษาดีเด่น ประจำปีการศึกษา 2541 จากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

ศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียง


วันอาทิตย์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2558

ถัดจากแว่น และนาฬิกาก็คือ…วิกอัจฉริยะ


ถัดจากแว่น และนาฬิกาก็คือ…วิกอัจฉริยะ





Sony ได้ทำการขอจดสิทธิบัตร “SmartWig” เพื่อผลักดันให้บริษัทเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีสวมใส่กับร่างกาย (wearable technology)

ตามสิทธิบัตรที่มีการขอจดนั้นบ่งบอกว่า SmartWig ช่วยในการนำทางบนท้องถนน, เปลี่ยนหน้าสไลด์บนพรีเซ็นเทชั่นและเก็บข้อมูลอย่าง ความดันเลือด ทางโซนี่เองก็ยังบอกอีกว่ามันยังสามารถประมวลผลและสื่อสารข้อมูลแบบไร้สายกับอุปกรณ์ตัวอื่นๆ

กูเกิล และซัมซุงก็เป็นอีกสองบริษัทที่ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสวมใส่กับร่างกายซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความเติบโต นักวิเคราะห์เชื่อว่าสินค้าในกลุ่มนี้ ตลาดจะมีการขายตัวอย่างมากภายในช่วงสองปีข้างหน้า ทางโซนี่เองก็พยายามรุกหนักในการทวงคืนสิ่งที่หายไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ด้วยการทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้าและตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำในตลาดนี้

Sony บอกว่า SmartWig สามารถสวมใส่ศีรษะ ครอบลงไปบนผมจริงได้ โดยวัสดุหลักที่ใช้ผลิตวิกก็คือหางม้า, ผมของคนจริงๆ, วูล, ขนนก, ขนของจามรี, ขนควายหรือวัสดุสังเคราะห์ นอกจากนี้ยังมีอินเตอร์เฟซการสื่อสารและเซนเซอร์ซ่อนอยู่ด้านในเพื่อไม่ให้คนเห็นว่ากำลังใช้งานอยู่ โซนี่บอกว่าเจ้าวิกอัจฉริยะนี้มีโอกาสที่จะได้รับความนิยมอย่างล้นหลามเพราะมันเป็นทั้งของไฮเทคและสินค้าแฟชั่นรวมกัน

ส่วนการใช้งาน ต้องขอบอกว่ามีข้อดีอยู่หลายอย่างเมื่อเทียบกับอุปกรณ์สวมใส่ที่วางขายในตลาดอยู่แล้ว เช่น เพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้, ทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนและ Google Glass รวมถึงมีมือว่าง เหลือเอาไว้ทำกิจกรรมอื่นๆ คุณสมบัติของ SmartWig ที่บอกไว้ก็มี ช่วยนำทางคนพิการทางสายตา ด้วยการใช้กล้องและเซนเซอร์นการจับตำแหน่งและพิกัดของผู้สวมใส่ นอกจากนี้ยังสั่งงานได้จากระยะไกลผ่านเครือข่าย ส่งรูปภาพหรือคำสั่งที่ใช้การสั่นเพื่อนำทางผู้สวมใส่แบบแมนนวลได้

ส่วนการพัฒนาขั้นต่อไปก็คือพัฒนาให้ใช้คลื่นอัลตราซาวด์ในการตรวจจับวัตถุรอบตัวผู้ใช้ รวมถึงต่อยอดไปยังอุตสาหกรรมเกม, เครื่องใช้ไฟฟ้าแบบเสมือนจริงและอุตสาหกรรมด้านดูแลสุขภาพ เมื่อเพิ่มเซนเซอร์หลายอย่างเข้าไปก็จะช่วยเก็บข้อมูลอย่าง อุณหภูมิ, ชีพจรและความดันเลือดแล้วส่งต่อไปยังคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์เพื่อนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ต่อไป